วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บทที่10: "เปลือก"

บทที่10: "เปลือก"
เมื่อพูดถึงผลไม้ลูกหนึ่ง
น้อยผลที่จะมีเปลือกที่สวยงามด้วยธรรมชาติ
ส่วนใหญ่ต้องแต่งเติม ต้องใส่สารเคมีอันตราย
เพื่อทำให้รูปลักษณ์มันสวยงามน่าซื้อ
โดยไม่ได้คำนึงถึงภายใน ว่าเป็นสิ่งดีแล้วไหม?
ทั้งๆที่มีวิธีทำให้มันดูดีได้โดยไม่ต้องเติมแต่งก็ตาม
ก็เพราะความต้องการของผู้เลือกซื้อ
ที่เลือกจากผลที่มีเปลือกสวยงามทั้งนั้น
เราจึงห้ามไม่ได้ที่ใครๆจะใช้สารเคมีเพื่อให้มันสวยงาม
โดยผู้บริโภคก็ยังคงเลือกซื้อ ทั้งๆที่ไม่ใช่ธรรมชาติของมัน
มันสวยงามใช่ไหมล่ะ?
มันไม่ต้องลำบากมากใช่ไหมล่ะ?
ลืมไปหรือเปล่า?
ว่าจริงๆก็มีคนอีกหลายคนต้องการผลไม้ที่ปลอดสารเคมี
เช่นเดียวกัน ถ้าเปรียบกับคน ก็คือ "ภาพลักษณ์ภายนอก" นั่นเอง
น้อยคนนักที่จะมีภาพลักษณ์ที่ดีตั้งแต่เกิดมา
หลายคนต้องพยายาม "สร้างภาพ" ขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองดูดี
เพราะสภาพสังคมที่นิยมแต่คนดูดีที่ภายนอก
ไม่ได้คำนึงถึงภายในว่าจะเป็นเช่นไร จะดีหรือไม่ดี
ชอบหรอ ให้ถูกใครเรียกว่า "ดีแต่เปลือก"
จงเป็นตัวของตัวเองเถอะ ไม่ต้องแต่งเติมอะไร
ถึงแม้ภายนอกคุณจะไม่ได้เลิศหรูเพราะเติมแต่ง
แต่เนื้อแท้คุณเกิดจากสิ่งที่คุณเป็น
จงสร้างตัวตนให้ดีขึ้น แต่อย่าเติมแต่งเพื่อหลอกใคร
อย่าพยายามสร้างภาพให้ดูดี จนลืมไปว่ากำลังทำร้ายเนื้อแท้ของตัวเอง
"อาจยากแต่ได้สิ่งที่ดีกว่าไม่ใช่หรอ"
 modratpas.

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บทที่9: "เมื่อเราล้มลง"


บทที่9: "เมื่อเราล้มลง"
ตอนเราล้ม เราจะพบกับคน4ประเภท
1. คนที่มองดูเฉยๆ
2. คนที่กดไหล่เราไม่ให้ลุกขึ้น
3. คนที่ผลักเราล้ม
4. คนที่เอื้อมมือมาช่วย
* คนกลุ่มแรก
ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยใดใด
แต่เขาก็แล้งน้ำใจเกินไป
ถึงเขาจะไม่เลวใส่ แต่เขาก็ไม่ได้หวังดีต่อเรา
ซึ่งคนกลุ่มนี้เขาจะไม่ได้ให้ความสำคัญของตัวเรา
ถ้าเราล้มขวางทางเขา เขาก็แค่เดินข้ามไป อย่างไม่ใยดี
* คนกลุ่มที่2
คือคนจำพวกที่มองเราเป็นศัตรูหรือคู่แข่ง
ทำทุกวิถีทางเพื่อกดเราให้นั่งอยู่ตรงนั้น
เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองสูงขึ้น หรือเหนือกว่าเรา
แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้เราควรหลีกออกมาให้ไกล
* คนกลุ่มที่3
คือคนที่สร้างความเสียหายทางความรู้สึกเรามากที่สุด เจ็บปวดที่สุด
เพราะเขาคือต้นเหตุของการเจ็บปวดครั้งนี้
ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ผลสรุปก็คือแผลและความเจ็บปวดที่ปรากฏในใจเรา
... ดังนั้นคนที่มีอิทธิพลด้านลบ คือกลุ่มที่2และ3 ...
... สุดท้าย ...
* คนกลุ่มที่4
คือกลุ่มคนกลุ่มเดียวที่มีอิทธิพลด้านดีต่อเรา
เขาจะเป็นห่วงว่าเราเจ็บไหม เป็นอะไรมากรึเปล่า
เขาจะช่วยเหลือเราทุกวิถีทางเท่าที่เขาจะทำได้
คนกลุ่มนี้แหล่ะ คือ "คนที่เราต้องการ"
‪#‎แต่น่าแปลกนะ‬
ใครหลายๆคนกลับต้องการให้คนกลุ่มที่3กับ4เป็นคนๆเดียวกัน ยังคงคาดหวังอยากให้เขากลับมาเยียวยาแผลที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ทั้งๆที่เขาคือ "ต้นเหตุ" ทั้งหมด
ลองทบทวนดีๆ คนที่ตั้งใจทำร้ายเราขนาดนี้
เรายังต้องการเขาอีกหรอ?
เรามั่นใจแล้วหรือว่าจะไม่มีครั้งต่อไป?
เราจะทนการเจ็บปวดครั้งต่อไปได้ไหม?
เมื่อมันเกิดขึ้นได้ มันก็จะเกิดขึ้นอีก
อย่าเปิดโอกาสให้คนที่ผลักเราล้ม กลับเข้ามาในชีวิตเราอีกเลย
ลองคิดดูว่ามิตรภาพที่ได้รับมาเป็นเช่นไร
มั่นใจไหมว่าคนที่เรารั้งไว้ เขาไม่ใช่คนที่ผลักเราล้มลง
‪#‎รักตัวเองให้เป็น‬
 modratpas.

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บทที่8: "กระจกสะท้อนตัวตน"


บทที่8: "กระจกสะท้อนตัวตน"
เคยได้ยินคนพูดไหม
ว่า ถึงใน100คนมี
คนเกลียดเรา99คน และคนรักเรา1คน
ให้แคร์แค่คน1คนนั้น
ก็ถูกส่วนหนึ่งนะว่าให้แคร์คน1คน
แต่ไม่แปลกใจหรอ ว่าแล้วอีก99คนล่ะ ทำไมเกลียดเรา
ควรตั้งคำถามกับตัวเองแล้วล่ะว่าเราไม่ดีตรงไหน
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเกลียด
ดังนั้นอย่าละเลยคนที่เกลียด แต่ก็อย่าเก็บมาบั่นทอนใจ
เมื่อเกิดปัญหา จงมองหาเหตุ
ถ้าเราถูกเกลียดเพราะเราไม่ผิด ไม่ได้ทำ แต่โดนใส่ร้าย
จงมั่นใจในตัวเอง ปล่อยให้เวลาพิสูจน์ตัวตน
แต่ถ้าเราถูกเกลียดเพราะตัวตน
ก็ต้องคิดวนกลับมาพิจารณาว่าเราต้องแก้ไขอย่างไร
สิ่งที่จะบอกคือ ทุกความรู้สึกของคนรอบตัวที่มีต่อเรา
นั่นคือกระจกสะท้อนตัวตนเรา
เราเป็นแบบไหน เขาก็จะแสดงออกต่อเราแบบนั้น
เราดี เขาจะดีมา เราบ้า เขาก็จะบ้าตอบ
อย่าโกรธคนที่ไม่ชอบ
อย่าโกรธคนที่เกลียด
อย่าโกรธคนที่ตำหนิ
 modratpas.
บทความโดย : http://facebook.com/ratpassakorn

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

บทที่7: "จิตใจกับก้อนหิน"

บทที่7: "จิตใจกับก้อนหิน"
เรามีเพลงๆนึงที่เราชอบฟังมากที่สุดเพลงถึง
เนื้อเพลงสอนให้รู้ว่า
"ไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกจากเราทำร้ายตัวเอง"
เปรียบเหมือนการกำก้อนหินเอาไว้
ยิ่งเรากำมันแน่น เราก็ยิ่งเจ็บปวด
ดังนั้น "ปล่อยวาง" คือทางออกที่ดีที่สุด
ถ้าวันหนึ่งคนที่เกลียดเราเขาด่าเรา
อย่าไปเก็บคำพูดนั้นมาให้เจ็บปวดใจ
เพราะคนที่เกลียด เขาก็ต้องแสดงทัศนคติต่ำๆออกมาด้วยความเกลียด
เคยไหมหงุดหงิดกับคนที่ด่าว่าเรา?
จงทำใจว่า...
คนที่เกลียด เขาก็ต้องหาเรื่องมาด่า มาว่า
หาข้อเสียเรา ให้เขารู้สึกว่าเขาเหยียบเราตกต่ำได้
เขาแค่ต้องการรู้สึกว่าอยู่เหนือเราเท่านั้นแหล่ะ
เราจะตกต่ำ เมื่อเราคิดว่าตัวเองจะต้องตกต่ำ
เราจะทุกข์ เมื่อเราคิดว่าเราจะต้องทุกข์
เราจะเจ็บปวด เมื่อเราคิดว่าเราจะต้องเจ็บปวด
แล้วเราจะยอมตกต่ำตามลงไปทำไมล่ะ?
จะยอมรู้สึกให้เขาสาสมใจทำไมกัน?
ต่อให้ใครมาทำร้ายเรา ถ้าเราไม่เก็บไปใส่ใจ
เราก็จะไม่เจ็บปวด
ถือไว้ก็หนัก กำมันก็เจ็บ
หายใจลึกๆ แล้วมองข้ามไป กับอะไรๆที่เข้ามาบั่นทอนเรา
รู้ไหมวิธีฆ่าคนที่เกลียดเราคืออะไร
‪#‎มีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้‬
นี่คือวิธีเอาคืนคนที่ด่าเราได้ดีที่สุด
แล้วพวกเขาจะร้อนรนกับความสุขของเราเอง
เก็บความรู้สึกตัวเองไว้เสียใจ
สำหรับการสูญเสียคนที่รักเราดีกว่า
อย่าไปเสียเวลากันคนที่ไม่รักเราเลย
บทความโดย : http://facebook.com/ratpassakorn

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

บทที่5: "ไข่ในกำมือ"



บทที่5: "ไข่ในกำมือ"
ความรู้สึกคนเรา ก็เปรียบเหมือนไข่หนึ่งฟองที่อยู่ในมือเรา
เปลือกไข่ก็เหมือน "ความรู้สึก"
ด้านในก็เหมือน "ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน"
ถ้าเราต้องการฟูมฟักให้มันเติบโต
เราก็ต้องเอาใจใส่ ปกป้องและดูแลมันให้ดีที่สุด
และในทางกลับกัน...
ถ้าเรานำไข่ฟองนั้นไปกระทบกับของแข็งล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?
แน่นอนว่ามันต้องเกิดร่องรอยแตกหรือรอยร้าว
ซึ่งต่อให้เรานำชิ้นส่วนมาประกอบให้เหมือนเดิมแค่ไหน
ร่องรอยบนเปลือกไข่ก็ยังอยู่
แถมชิ้นส่วนเศษเสี้ยวบางชิ้นก็ยังหลุดร่วงหายไป
ไม่มีหรอกกาววิเศษที่ต่อสิ่งที่แตกแล้วให้กลับมาคงสภาพเดิมได้อีก
เช่นเดียวกับความรู้สึกของคนเรา
ถ้าเราต้องการให้มันเติบโตไปในทางที่ดี
เราก็ต้องดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกนั้น
และประคับประคองไปให้ดีที่สุด
ในทางกลับกัน...
เมื่อมีสิ่งใดมากระทบจิตใจแล้ว
ต่อให้เราทำดีทดแทนแค่ไหนก็ตาม
ร่องรอยของความรู้สึกมันก็ยังคงอยู่
คอยย้ำเตือนเสมอว่ามันเคยเจออะไรมา
ไม่มีทางที่จะกลับมาดีได้ดังเดิมอีกต่อไป
"เพราะการซ่อมแซมไม่สามารถใช้ได้กับความรู้สึกคน"
ด้วยรูปแบบที่ "ข้างนอกแข็งแกร่ง ข้างในเปราะบาง"
ถ้าข้างนอกแข็งแรงไม่พอ ก็เป็นอันตรายต่อภายใน
เช่นเดียวกับความรักของคนเรา
ถ้าความรู้สึกเกิดมีรอยแผลขึ้นแล้ว
ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ก็อยู่ในระยะอันตราย
ดังนั้น จะคบกัน จะรักกัน
ต้องรู้จักดูแลรักษาความรู้สึกของกันและกัน
อย่าทำให้เกิดรอยร้าวซึ่งกันและกัน
เพราะเมื่อถึงตอนนั้น ความแข็งแรงของความรักคุณมันก็เกิดรอยร้าวขึ้นแล้ว
 modratpas.  บทความโดย : http://facebook.com/ratpassakorn


บทที่6: "ปิดตา"


บทที่6: "ปิดตา"
เคยลองเอามือปิดตาตัวเองสักข้างไหม?
สังเกตไหมว่าความชัดเจนมันจะลดลง
การเลือกที่จะรับรู้ก็เป็นเหมือนการเอามือปิดตาตัวเอง
ซ้ำร้ายหนักเข้าก็เอามือปิดสองข้าง
อย่างเช่นที่เขาเรียกว่า
"ความรักทำให้คนตาบอด"
ตาเป็นส่วนหนึ่งของประสาทรับรู้ที่สำคัญ
ถ้าเราปิดมัน ประสาทสัมผัสเราส่วนหนึ่งก็จะหายไป
จริงๆความรักไม่เคยทำให้ใครตาบอดหรอก
แต่เพราะความรัก คนหลายคนจึงเลือกที่จะเอามือปิดตา
เพื่อเลือกมองบางสิ่งให้ชัดเจนน้อยลง
เพื่อปิดการรับรู้สัมผัสได้ของตนเองลง
เพียงเพราะกลัวการจบลงของความสัมพันธ์
แน่นอนมันไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ดี
เพราะเมื่อเราปิดตา ก็เหมือนเปิดโอกาสให้อีกฝ่าย
ใช้การมองเห็นอันพร่ามัวของเรา
หลอกให้รัก หลอกให้หลง หลอกให้เชื่อใจ
เชื่อในสิ่งที่เขาพูด เชื่อในสิ่งที่เขาทำ
สุดท้าย เมื่อความผิดมันแสดงตัวชัดเจนเกินไป
สิ่งที่เรียกว่า 'ปัญหา' มันก็จะชัดเจนไปตามกัน
คนหลายคนมักจะโกรธกับสิ่งที่ตัวเองโดนหลอก
แต่จริงๆแล้วคนพวกนี้ไม่ได้โดนหลอกหรอก
แต่พวกเขากำลัง "หลอกตัวเอง"
ทั้งๆที่ในใจนั้นรู้ความจริงแต่แรก
แต่กลับเลือกที่จะปิดตาของตัวเองไปเอง
ทำให้ความจริง กับสิ่งที่เชื่อมันบิดเบือนไป
ถูกไหมกับการปิดตาตัวเอง ถามใจตัวเองดู
ทุกสิ่งอยู่ที่เราเลือกทั้งนั้นแหล่ะ
ความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ คือ ความจริงใจ และต่างคนต่างไม่ต้องหลอกกัน รวมถึงการหลอกตัวเอง
‪#‎จงมองโลกตามความเป็นจริง‬

เครดิส : http://facebook.com/ratpassakorn

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บทที่4: "ของเล่น"



บทที่4: "ของเล่น"
คุณจำของเล่นในชีวิตตัวเองได้กี่ชิ้น?
หลายคนต้องร้องไห้ อ้อนวอน ร้องขอ แลกเปลี่ยน ทำทุกวิถีทางเพื่อแลกมันมา
จำได้ไหมว่าความรู้สึกตอนนั้นเราอยากได้แค่ไหน
แต่สุดท้ายของเล่นก็คือของเล่น
สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป เราก็ปล่อยมันทิ้งไว้และไปมองหาของเล่นชิ้นใหม่
วัฏจักรของเล่นมันก็เลยวนเวียนอยู่แค่
"ชอบก็ซื้อ เบื่อก็ทิ้ง"
ไม่ต่างกันกับความสัมพันธ์สมัยนี้
ที่มีทั้ง "ผู้เล่น" และ "ของเล่น"
น้อยคนที่จะโชคดีได้เป็น"ของรัก"
เพราะหลายคนมักเอาความรู้สึกคนอื่นมาสนองความ "อยากได้" ของตัวเอง
จำความรู้สึกแรกที่ต้องการครอบครองได้ไหม
หลายคนต่อสู้ฟาดฟันเพื่อจะได้มา
และสุดท้ายก็ทิ้งขว้างไปอย่างง่ายดาย
เมื่อรู้สึกว่ามันไม่ได้น่าสนใจอย่างตอนแรกเห็นอีกแล้ว
วัฏจักรความสัมพันธ์นี้จึงเป็น
ชอบก็คบ เบื่อก็ทิ้ง
แล้วมันต่างอะไรกับเด็กน้อยที่มองหาของเล่นกันล่ะ?
เรากำลังมองหาอะไรกันอยู่?
ความสุขชั่วครั้งคราวงั้นหรอ?
แล้วมั่นใจไหมว่ามันคือความสุขที่แท้จริง?
หรือเรากำลังกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง?
แต่วัฏจักรของเล่นมันดีกว่ายังไงรู้ไหม
เพราะของเล่นมันไม่มีชีวิตจิตใจไง
เราจะลืมจะทิ้งขว้างยังไงมันก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนล่ะ มันจะเจ็บปวดมากแค่ไหน
ถ้าวันนึงเคยสำคัญมากๆ แล้วจู่ๆก็ถูกลืมเลือนไป
ไม่มีใครอยากเป็นของเล่นที่ถูกลืมหรอก
เมื่อได้ครอบครองจงรักษาดีๆ
ถ้าไม่มั่นใจว่าจะดูแลมันได้ไปตลอดอย่างของรัก
จงปล่อยให้มันได้ไปเจอเจ้าของที่เหมาะสมเถอะ
อย่าเอาแค่ความชอบ อยากครอบครองมาทำลายความรู้สึกคนอื่นภายหลัง ถ้าไม่มั่นใจว่าสิ่งของชิ้นนั้นเป็นของรักหรือของเล่น
เราพร้อมจะเป็นของเล่นไหม หรือกำลังมองใครเป็นของเล่นรึเปล่า?
‪#‎อย่าเป็นของเล่นให้ใครต่อให้ใจเข้มแข็งแค่ไหนก็ไม่พอ‬
 modratpas. http://facebook.com/ratpassakorn